ผู้เขียน :ผู้ย้ายถิ่นฐานใหม่ชาวมาเลเซีย/หวางเป่าหยุน
ฉันแต่งงานมาไต้หวันทำงานเริ่มแรกในโรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนเสริมภาษาอังกฤษ ที่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ฉันได้เดินเข้าสู่สังคมไต้หวัน เวลานั้นรู้ซึ้งถึงความห่วงใยที่ผู้ปกครองชาวไต้หวันมีต่อการศึกษาของบุตรธิดาและความสำคัญในการเรียนภาษาอังกฤษ เมื่อร่วมทำงานกับครูชาวต่างชาติพบว่าการเรียนการสอนภาษามีความหลากหลายและมีชีวิตชีวา เข้ารับการอบรมการศึกษาปฐมวัย ทำให้รู้ว่า “แม่เลี้ยงดูลูกจะช่วยสร้างความรู้สึกที่ปลอดภัย มีสุขภาพดีและการมองโลกในแง่ดีจะเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับลูก” จึงตัดสินใจยืนยันจะอยู่บ้านดูแลลูก
การเลี้ยงดูลูกแม้ว่าบางครั้งจะรู้สึกเบื่อ แต่จากที่ได้เห็นลูกเจริญเติบโตกลับทำให้มีความสุขและรู้สึกถึงความสำเร็จอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าการดูแลผู้ใหญ่และเด็กในบ้าน บางครั้งก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงการทำงานที่ผ่านมา และมีความกังวลกับการวางแผนอาชีพในอนาคต จึงเริ่มให้ความสำคัญกับการวางแผนและดำเนินการเรียนรู้ตลอดชีวิต เริ่มต้นเปิดบ้านนัดกันอ่านหนังสือ แลกเปลี่ยนแบ่งปันอาหารและงานฝีมือ ทำให้ฉันได้ฝึกฝนเติบโตไปพร้อมกับพี่น้องสาว จากนั้นรับหน้าที่เป็นคุณแม่นักเล่านิทานตอนเช้าที่โรงเรียน เข้าร่วมเรียนหลักสูตรชั้นเรียนการสมรส ชั้นเรียนการเรียนรู้สำหรับผู้สูงอายุ การให้คำปรึกษาสอบถาม เป็นต้น และยังสอบได้ใบประกาศนียบัตรทักษะ ด้านอาหารเครื่องดื่ม การอบขนม ในโบสถ์วันอาทิตย์จะนำเยาวชนเรียนรู้มุมมองความเติบโตของชีวิตและวิญญาณ ทำให้ฉันได้ขยายขอบเขตกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
30 ปีที่ผ่านมาสังคมไต้หวันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ผู้ย้ายถิ่นฐานใหม่เพิ่มจำนวนขึ้น แนวโน้มของยุคโลกาภิวัตน์ทำให้วิธีการใช้ชีวิต สภาพแวดล้อมและคุณค่าจากวัฒนธรรมเดียวเปลี่ยนเป็นหลากหลายมากขึ้น เมื่อลูกๆเจริญเติบโต ฉันจึงเข้าสู่ตลาดงานอีกครั้ง ทำงานเป็นพนักงานล่ามผู้ย้ายถิ่นฐานใหม่และสอนภาษามาเลเซียตามนโยบายมุ่งลงสู่ใต้ ยินดีที่ได้นำความรู้จากประเทศแม่หรือที่เรียนในไต้หวันมอบกลับคืนสู่สังคม